ลมหนาวพัดมาอีกแล้วนะครับ ถึงจะช้าหน่อยแต่ว่าปีนี้หนาวจัดเป็นพิเศษ หลายคนบอกว่าหนาวกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา รวมถึงตัวผมด้วย แต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าปีที่ผ่านๆ มา ผมก็มักพูดกับตัวเองอย่างนี้ และเชื่อขนมกินได้เลยว่าปีต่อไปผมก็ต้องพูดอย่างนี้อีก ไม่ใช่เพราะผมวัดอุณหภูมิ แล้วนำมาเปรียบเทียบกันนะครับ เพียงแต่เป็นความรู้สึกส่วนตัวที่มักจะคิดเสมอว่า อะไรก็ตามที่กำลังเป็นอยู่มักรู้สึกว่ามันรุนแรงกว่าที่เคยผ่านมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย
บ่อยครั้งจึงรู้สึกว่า เหนื่อยครั้งนี้ มากกว่าที่เคยผ่านมา
หิวครั้งนี้ มากกว่าที่เคยผ่านมา
เศร้าครั้งนี้ มากกว่าที่เคยผ่านมา
รวมถึงสุขครั้งนี้ มากกว่าที่เคยผ่านมา
แต่พอข้ามไปพูดถึงความสนุกสนานในวัยเด็กแล้ว ผมกลับคิดว่าไม่มีความสนุกสนานในช่วงเวลาไหนจะเทียบเท่า เป็นความสุขที่ไม่ได้เกิดจากการอยู่เหนือคนอื่น เก่งกว่าคนอื่น รวยกว่าคนอื่น หรือมีหน้ามีตากว่าคนอื่น เพียงแต่เป็นความสุขที่บริสุทธิ์เกินกว่าจะหาช่วงวัยไหนมาเปรียบเทียบได้
การอยู่กับเพื่อนทั้งวัน วิ่งเล่นกันตามประสา เป่าหนังยาง ปีนต้นไม้ กระโดดน้ำ หรือแอบขโมยมะม่วงที่มีเจ้าของเป็นคนขี้เหนียวและมีหมาดุที่สุดในหมู่บ้าน ได้มาก็หาพริกหาเกลือมาจิ้มกินกันตามประสาเด็กๆ
ความสุขที่เกิดจากอาการที่เห็นรถไอติมวิ่งผ่าน แล้วรีบแจ้นไปขอเงินแม่ได้เหรียญบาทเก่าๆ มา 1 เหรียญ แลกกับไอติม 1 แท่ง จากชายชราคุ้นหน้าที่คอยบีบแตรลมเรียกลูกค้าตัวกะเปี๊ยกในทุกๆ ตอนเที่ยงของแต่ละวัน เปรียบเสมือนฮีโร่ที่แบกถังความสุขมาแจกจ่ายให้กับเด็กๆ จนแกกลายเป็นขวัญใจวัยซนรุ่นแล้วรุ่นเล่า เพียงแค่นั้นก็เป็นความสุขที่เพียงพอแล้วครับ
ส่วนความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นในตอนนั้นมีไม่กี่อย่าง ถ้าไม่ใช่วันที่รถไอติมไม่มา ก็เป็นวันที่รถไอติมมาแต่ขอตังค์ไม่ได้ โชคร้ายหน่อยก็ได้ของแถมเป็นก้านมะยม หรือโชคร้ายกว่านั้นอาจได้อาวุธหนักที่มากกว่าก้านมะยม ขึ้นอยู่กับว่าแม่จะคว้าอันไหนได้ทัน ถ้ารีบหน่อยก็ใช้ฝ่ามือห้วนๆ นั่นแหละ แค่นั้นก็เป็นความทุกข์ทรมานมากจนแทบจะดิ้นตายแล้วครับ
แต่พอโตขึ้นความสุขของเรามักเปลี่ยนรูปแบบ อาจเป็นเพราะผ่านโลกมาเยอะ จำเรื่องราวมาเยอะ จึงเกิดการเปรียบเทียบว่าครั้งนี้ดีกว่าครั้งไหนๆ ครั้งนั้นแย่กว่าครั้งก่อนหน้า แต่ในวัยเด็กมักไม่เกิดความรู้สึกแบบนี้ ส่วนหนึ่งผมมองว่าเป็นเพราะวัยเด็กยังไม่มีการจดจำเรื่องราวใดๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจึงเป็นความรู้สึกในขณะนั้นจริงๆ โดนไม้เรียวตอนนั้น น้ำตาก็ไหลพรากทันที พอน้ำตาหยุดไหลเรื่องราวบาดหมางระหว่างตัวเองและไม้เรียวก็จบลงตรงนั้น ไม่มีเก็บไปคิดแล้วเจ็บแค้นในวันหลัง
แต่พอโตขึ้นกลับไม่ใช่ นอกจากไม่ใช่แล้วยังเป็นไปในลักษณะตรงกันข้ามเสียอีก มีสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำมากมาย มีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น และมีสมองไว้คิด วางแผน ประมวลผลอย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อเตรียมพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยความทะเยอทะยาน หากเข้าเส้นชัยได้ ก็มีความสุขกันถ้วนหน้าไป แต่ถ้าไม่ ก็แค่เจ็บมากกว่าที่ผ่านมา
เส้นชัยของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันนะครับ และจุดเริ่มก็ไม่เหมือนกันด้วย สำหรับผมในตอนนี้คือการจบการศึกษา มีใบปริญญา และมีงานทำ แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าทำสำเร็จมันจะทำให้ผมมีความสุขเท่ากับการเดินเข้าเส้นชัยในวัยเด็กของผมหรือเปล่า เส้นชัยที่มีเพียงเงินเหรียญบาทและไม้เรียวกั้น โดยมีรางวัลสุดวิเศษคือไอติมจากชายชรา
บ่อยครั้งที่ผมรู้สึกว่าอยู่ห่างจากเส้นชัยมากเกินกำลัง บางครั้งจึงมักเข้าไปค้นลิ้นชักแห่งความทรงจำเพื่อหาเส้นชัยในอดีตมาใช้ซึ่งก็ได้ผลไม่น้อยเลยนะครับ บางที...นี่อาจทำให้ผมพบกับความสุขมากกว่าเส้นชัยที่พยายามไขว่คว้ามันอย่างสุดแรงเกิดก็เป็นได้
ปี๊บ....ปี๊บ !!
ไอติมแท่งนึงครับ :B